วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ของขวัญวาเลนไทน์

      ใกล้จะถึงวันวาเลนไทน์แล้ว เพื่อน ๆ อยากจะแจกของขวัญ เพื่อส่งความรัก ความปรารถนาดีให้กับคนรอบตัวบ้างรึเปล่าคะ วันนี้เรามีไอเดียการทำถุงของขวัญไว้แจกเพื่อน ๆ ในวันวาเลนไทน์ เป็นของที่ทำได้ง่าย ๆ แต่มีคุณค่าทางจิตใจอย่างแน่นอน เพราะเพื่อน ๆ ได้เพิ่มทั้งความรัก และความใส่ใจลงไปในของขวัญได้อย่างเต็มเปี่ยมเลย

เพื่อน ๆ สามารถทำเองได้แบบไม่ยากเลยล่ะคะ เพียงแค่เพื่อน ๆ มีอุปกรณ์การทำของขวัญดังนี้


  • กระดาษไข
  • กระดาษย่นสีชมพู
  • กระดาษย่นสีส้ม
  • กระดาษสีเขียว
  • ไม้จิ้มฟัน
  • กาว
  • กรรไกร
  • ขนมรูปหัวใจ
ถ้าเพื่อน ๆ มีอุปกรณ์ครบแล้ว ก็เริ่มลงมือทำถุงของขวัญกันเลยค่ะ



ขั้นแรก เรามาทำดอกไม้กันก่อนเลยค่ะ โดยเริ่มจากตัดกระดาษสีส้มมาห่อส่วนปลายของไม้จิ้มฟันไว้เพื่อเป็นเกสรดอกไม้ จากนั้นตัดกระดาษย่นสีชมพูเป็นกลีบดอกไม้เล็ก ๆ แล้วนำมาติดไว้รอบ ๆ เกสรดอกไม้ด้วยกาว ติดกลีบดอกไม้ได้ตามความต้องการได้เลยค่ะ แล้วตัดกระดาษสีเขียวมาทำเป็นใบไม้เล็ก ๆ ติดไว้ด้วยกาว จากนั้นทิ้งไว้ให้แห้ง

- ขั้นที่สอง เรานำกระดาษไขมาพัับเป็นถุงของขวัญกันค่ะ โดยนำกระดาษรูปสีเหลี่ยมมาพับเป็นถุง ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป จากนั้นนำขนมรูปหัวใจมาใส่ไว้ในถุงกระดาษนั้น

 จากนั้นพับปากถุง แล้วรีดถุงของขวัญให้เรียบด้วยไม้บรรทัด หรือเครื่องมืออะไรก้ได้ แล้วนำดอกไม้ที่เราทำไว้มากัดไว้ไม่ให้ขนมหลุดออกไม้


เพียงแค่นี้เพื่อน ๆ ก็จะได้ของขวัญน่ารัก ๆ ไว้แจกเพื่อน ๆ หรือคนที่เรารักได้ในวันวาเลนไทน์แล้ว






แหล่งที่มา :  http://www.homedecorediy.com


วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เทคนิคการอ่านหนังสือ




     ผู้เรียนส่วนใหญ่ต้องเสียเวลากับการอ่านหนังสือ ตำราเรียนมากเกินควร เนื่องจากการอ่านที่ขาดประสิทธิภาพ คืออ่านทุกตัวอักษร ทุกประโยคไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ แล้งยังพยายามอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อท่องจำสิ่งที่อ่านให้ขึ้นใจ ทำให้ยิ่งเสียเวลาเข้าไปใหญ่ การจะลด เวลาที่เกินควรไปนั้น เราต้องอ่านอย่างมีวัตถุประสงค์ มีการวางแผนล่วงหน้า มีการทวนความเข้าใจหลังอ่านจบแล้ว ซึ่งวิธีอ่านอย่างฉลาดที่ว่าคือ
วิธี อ่านแบบ ORUS
วิธีอ่านแบบ ORUS เป็นวิธีอ่านเพื่อการเรียน ที่ผู้เรียนสามารถข้ามขั้นตอนบางขั้นได้ แต่ห้ามข้ามขั้นสุดท้ายใน 4 ขั้นตอนต่อไปนี้
1.1 สำรวจ (Overview) องค์ประกอบต่างๆ ของสิ่งที่จะต้องอ่าน ซึ่งมีดังนี้
- ชื่อบท หัวข้อใหญ่ และหัวข้อย่อย ที่พิมพ์ตัวหนา สิ่งเหล่านี้จะบอกถึงขอบเขตและลักษณะของเนื้อหาอย่างคร่าวๆ
- รูปภาพ กราฟ และแผนภูมิ หนังสือวิชาการส่วนใหญ่จะมีสิ่งเหล่านี้ รวมทั้งภาพประกอบประเภทอื่นๆ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาประเด็นสำคัญๆ ได้มากขึ้น
- สรุป อ่านแบบผ่านๆ (Skimming) ดูว่าสิ่งที่ผู้แต่งต้องการนำเสนอคืออะไร เพื่อเวลาอ่านจริงๆ เราจะได้มุ่งตรงไปยังเนื้อหาสำคัญทั้งหลาย ไม่เสียเวลาไปกับการอ่านส่วนที่เป็นน้ำ ในกรณีที่ผู้แต่งไม่ได้เขียนบอกไว้ว่าตรงไหนเป็นบทสรุป ให้ลองอ่านย่อหน้าสุดท้ายของเรื่อง
- คำถาม คือสิ่งที่บอกให้เรารู้ว่าเนื้อหาส่วนไหนในเรื่องที่เราต้องให้ความสนใจเป็น พิเศษ เพราะผู้แต่งมักจะถามถึงสิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญของเรื่อง
หลังจากรู้คร่าวๆ แล้วว่าเรื่องที่จะอ่านมันเกี่ยวกับอะไร สิ่งไหนน่าจะเป็นประเด็นสำคัญของเรื่อง เราก็ต้องวางแผนการอ่าน โดยแบ่งเนื้อหาทั้งหมดออกเป็นส่วนๆ และกำหนดเวลาในการอ่านของแต่ละส่วน ทั้งนี้ให้รวมเวลาที่จะใช้ในการเก็บข้อมูลและสรุปความเข้าใจด้วย
1.2 อ่าน (Read) ด้วยความรวดเร็ว คัดเอาแต่ใจความสำคัญ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่ประโยคแรกหรือสุดท้ายของย่อหน้า โดยไม่มีการหยุด ให้ทำเหมือนกับว่าเรากำลังคุยกับผู้แต่ง เหมือนเขากำลังอธิบายบางสิ่งให้เราเข้าใจ ดังนั้นถ้ามีตรงไหนสงสัยไม่เข้าใจก็ให้เขียนคำถามไว้ตรงขอบของหน้ากระดาษ ใกล้ๆ กับส่วนที่เราไม่เข้าใจ
ข้อความไหนที่รู้ว่าไม่สำคัญสำหรับเราก็ ให้ข้ามไปได้ ไม่ต้องกังวลว่าเราจะไม่เข้าใจทั้งหมด
1.3 เก็บข้อมูล (pick Up) เป็นการนำสาระสำคัญทั้งหลายเข้าสู่ธนาคารความจำของเรา โดยกลับไปดูสิ่งที่เพิ่งอ่าน แล้ว :
- ขีดเส้นใต้หรือทำเครื่องหมายดอกจัน (*) ไว้ตรงที่สำคัญๆ หรือตรงข้อความที่เราคิดว่าอาจถูกนำมาออกข้อสอบเท่านั้น อย่าขีดเส้นให้เปรอะไปหมด
- เขียนโน้ตสั้นๆ ไว้ที่ขอบของหน้าหนังสือ
1.4 สรุปความเข้าใจ (Summarize) โดยใช้คำพูดของเรา

ที่มา : unigang

การเลือกซื้ออาหาร



๑) การเลือกซื้อเนื้อสัตว์   ควรเลือกซื้อจากร้านที่ผ่านการตรวจจากสัตว์แพทย์โรงฆ่าเชื้อสัตว์ที่ตรวจสอบสัตว์นั้นก่อนก่อนฆ่าว่าไม่เป็นโรคติดต่อหรือโรคที่สามารถแพร่เชื้อมาสู่ผู้บริโภคได้  ไม่ควรเลือกซื้อตามข้างถนนหรือแผงลอยในตลาดที่ไม่ได้มาตฐานปัจจุบันตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าบางแห่ง  จะแล่ส่วนต่างๆของเนื้อสัตว์จำหน่ายเพื่อให้เกิดความสะดวกในการนำไปประกอบอาหารตามความต้องการของผู้บริโภค

การเลือกซื้อเนื้อสัตว์ประเภทต่างๆ ควรเลือกดังนี้

เนื้อวัว      มีสีแดง  มันสีเหลือง  เส้นเนื้อเล็กละเอียด  นุ่มกว่าเนื้อควาย

เนื้อควาย  มีสีแดง  มันสีขาว  เส้นเนื้อหยาบ   ราคาถูกกว่าเนื้อวัว

เนื้อหมู      มีสีชมพู  มันสีขาว ถ้าเป็นสามชั้น  มันระหว่างหนังกับเนื้อจะต้องไม่หนามาก

ไก่            ควรเลือกไก่อ่อนเนื้อจะนุ่ม  หนังไม่เหนียว  ไม่มีรอยเขียวช้ำตามคอหรือท้องและบริเวณอื่นๆ

เป็ด           ถ้าเป็ดแก่จะมีกลิ่นสาบ  เนื้อเหนียว  สดไม่มีรอยช้ำ

กุ้ง             หัวติดกับลำตัว  ไม่หลุดออกจากกัน  เปลือกสีเขียวแกมน้ำเงิน  หางไม่แดงหรือมีรอยคล้ำ  ไม่มีกลิ่นเหม็น

ปลา            ตาใสเหงือกแดง  เนื้อไม่เละ  บริเวณท้องไม่ผุ

หอย         เลือกที่ยังไม่ตาย  เปลือกหอยอ้าหุบเองได้



๒)  การเลือกซื้อผัก  ควรเลือกที่ใหม่  สด  สะอาด  มีคุณค่าทางโภชนาการสูงการเลือกซื้อผักแต่ละประเภท  ควรพิจารนาดังนี้

๑.ผักรับประทานใบ  ควรเลือกที่สดใหม่  ไม่เหี่ยวช้ำ  ลำต้นอวบน้ำ  ใบอาจมีรอยแมลงกัดแทะบ้างแสดงว่าปลอดภัยจากสารเคมี

๒.ผักรับประทานหัว  ควรเลือกหัวหนักเนื้อแน่น  น้ำหนักเหมาะสมกับขนาด  ถ้าหัวใหญ่น้ำหนักเบาเนื้อจะไม่แน่น

๓.ผักรับประทานผล  เอกตามลักษณะเฉพาะของผักนั้น  เช่น  ฟักทอง  ผลหนักเนื้อแน่นสีเหลืองงอมเขียว  ผิวขรุขระ  แตงร้าน  แตงกวา  เลือกผิวสีเขียวริ้วขาว  ผิวตึง  ถ้าผิวเหลืองแสดงว่าเป็นแตงเก่าและเริ่มแก่  เป็นต้น


๓) ผักรับประทานผล  เอกตามลักษณะเฉพาะของผักนั้น  เช่น  ฟักทอง  ผลหนักเนื้อแน่นสีเหลืองงอมเขียว  ผิวขรุขระ  แตงร้าน  แตงกวา  เลือกผิวสีเขียวริ้วขาว  ผิวตึง  ถ้าผิวเหลืองแสดงว่าเป็นแตงเก่าและเริ่มแก่  เป็นต้น



 ๔.) การเลือกซื้ออาหารกระป๋อง    ในการเอกซื้ออาการกระป๋อง  ควรสังเกตดังนี้

             ๑.ฉลาก  ต้องมีรายละเอียด  ชื่อ   เลขทะเบียนอาหาร  สถานที่ตั้งของผู้ผลิต  วัน  เดือน  ปี ที่ผลิต  รหัสได้จดทะเบียนไว้แล้วต่อกระทรวงสาธารณสุข  น้ำหนักสุทธิหรือปริมาณสุทธิ  ชนิดและปริมารของของวัตถุที่เจือปนในอาหารที่ไม่ใช่เป็นส่วนประกอบอันใดจากธรรมชาติ

              ๒.ลักษณะตัวกระป๋อง  ต้องเรียบทั้งฝาและก้น  ไม่มีรอยบุบหรือโป่งพอง  เนื่องจากอากาศที่อยู่ภายใน  ไม่มีรอยรั่วหรือเป็นสนิม  โดยเฉพาะที่รอยตะเข็บ


๕)การเลือกซื้ออาหารสำเร็จรูปและอาหารพร้อมปรุง

               อาหารสำเร็จรูปหมายถึง  อาหารที่ผู้ขายปรุงไว้เรียบร้อยแล้ว  ผู้ซื้อสามารถนำไปอุ่นหรือรับประทานได้ทันที  อาหารสำเร็จรูปนี้รวมถึงอาหารที่ผู้บริโภคสั่งให้ประกอบหรือปรุงใหม่   การเลือกซื้อควรสังเกตสถานที่ขายสะอาด  ภาชนะใส่อาหารมีสิ่งปกปิด  กันแมลง  และฝุ่นละออง  ผู้ขายแต่งกายสะอาดถูกหลักสุขาภิบาลอาหาร

               อาหารพร้อมปรุง   หมายถึง  อาหารที่ผู้ขายจัดเตรียมวัตถุดิบ   พร้อมเครื่องปรุงไว้เป็นชุดผู้บริโภคสามารถซื้อแล้วนำไปประกอบเองที่บ้าน ควรสังเกตวัน  เดือน ปี  ที่ผลิตหรือวันหมดอายุเพราะลักษณะของอาหารยังไม่ได้ผ่านความร้อน  มีโอกาสบูดเสียหรือเสื่อมคุณภาพได้มากที่สุด


แหล่งที่มา : www.cccthai.org/Web02/frame-main01-1.htm


วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

น้ำพริกปลาทู



      น้ำพริก - ปลาทู เมนูคู่ครัวไทย ไม่ว่าจะมีฐานะมากดีมีจนอย่างไร  ก็นิยมรับประทานอาหารจานนี้กันมาตั้งแต่อดีต ปลาทูได้ชื่อว่า เป็นปลาที่จับได้มากที่สุด  ในท้องทะเลไทยและเป็นอาหารหลักของผู้คนแถบชายทะเล และต่อมาได้แพร่ขยายไปสู่ผู้บริโภค  ที่ห่างไกลทะเลทั้งในภาคกลาง อีสาน และ เหนือ ในปัจจุบัน  ปริมาณความต้องการบริโภคปลาทูมีอยู่สูง
   ในปัจจุบัน ปลาทูแทบไม่มีเพียงพอต่อความต้องการ ของคนในประเทศ  ที่หันมานิยมบริโภคปลาทูมากขึ้น เนื่องจากอิทธิพลตะวันตก  ที่นิยมบริโภคอาหารทะเล  และ ส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับคุณค่าทางโภชนาการของสัตว์น้ำ โดยเฉพาะในด้านช่วยลดปริมาณไขมันในเส้นเลือด  เป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ แคลอรี่ต่ำ และย่อยง่าย  มีส่วนให้คนไทยหันมาบริโภคอาหารทะเล และปลาทูอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้เครื่องมือจับปลาทูยังได้รับการพัฒนา จนสามารถจับปลาได้ปริมาณมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว  ทำให้ปลาทูเริ่มลดน้อยลง ราคาจึงสูงขึ้นหลายเท่าตัว      แม่กลอง  เป็นแหล่งที่มีปลาทูมากและมีธุรกิจปลาทู ซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงแห่งหนึ่งของประเทศไทย   ลักษณะปลาทูของคนแม่กลอง  แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ ปลาทูสั้นกับปลาทูยาว  และนิยมกินปลาทูสั้น เพราะเป็นปลาที่เข้ามาหากินในเขตน้ำตื้นที่อาหารอุดมสมบูรณ์ เนื้อปลาจึงนุ่ม มัน หวาน หนังบาง ส่วนปลาทูยาว  ที่อยู่น้ำลึกกว่า เนื้อจะแข็งกว่า  มันน้อยกว่า และหนังหนากว่า  ปลาที่แม่กลองจะมีลักษณะ "หน้างอ คอหัก"เพราะมีตัวใหญ่  จะต้องจับเรียงใส่เข่งจำหน่าย     การเลือกปลาทูว่าสดหรือไม่สด ให้สังเกตลักษณะของปลาทูจะมีลูกตานูนดำ มีสีสดใส ส่วนหลังของลำตัวจะมีสีเขียว เป็นพื้นส่วนท้องมีสีขาวหรือสีน้ำเงิน หางปลายังมีสีเหลือง ตามลำตัวเป็นเมือกลื่นๆ   เหงือกมีสีแดงอมชมพู  ปลาไม่มีกลิ่น เนื้อแน่นปลาทูที่เนื้อนิ่มกินอร่อยนั้นมี  2  แห่ง  คือ จังหวัดสมุทรสาคร และ จังหวัดสตูล  เพราะปลาจากแหล่งอื่นเป็นดินทราย เนื้อจะแข็งขาดความมัน ไม่อร่อย และเป็นที่รู้กันว่า  ปลาทูจากเรือตังเกและเรืออวนลาก มีรสชาติที่ต่างกันอย่างชัดเจน ปลาทูโป๊ะ จะมีตัวสีขาว แถบสีน้ำเงินสดใส ตาโต แต่ปลาตังเกและปลา อวนลากจะมีลำตัวค่อนข้างหนา ไม่ได้ขนาด  ตาแดง เนื้อแข็ง ไม่นิ่มเหมือนปลาโป๊ะ    คุณค่าทางโภชนาการของปลาทูนั้น เป็นแหล่งของสารอาหารประเภทโปรตีนอย่างดี จะเห็นได้ว่า ในปลาทูสด 100 กิโลกรัม มีคุณค่าทางสารอาหาร คือ พลังงาน 140  แคลอรี  โปรตีน 20 กรัม ไขมัน 6.7 กรัม แคลเซียม 170  มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 60  มิลลิกรัม  วิตามินบี -2  0.62   มิลลิกรัม ไนอะซิน 9.2   มิลลิกรัม  วิตามินซี 9.2   มิลลิกรัม สารอาหารเหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต เสริมสร้างกล้ามเนื้อและ กระดูก ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ  ช่วยให้สมอเจริญเติบโตช่วยสร้างภูมิต้านทานแก่ร่างกาย    ตัวปลาทูนั้นมี สารโอเมก้า  3  อยู่ด้วย   โอเมก้า 3   มีอยู่ในน้ำมันปลา ซึ่งเป็นไขมันประเภทไม่อิ่มตัว มีประโยชน์ในเรื่องลดอัตราการตายจากโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดตีบ  แล้วยังลดคอเลสเตอรอล  ไตรกลีเซอไรด์   รวมทั้งลดความหนืด ของเลือดลดการอักเสบ ทำให้ความข้นในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ   เนื้อปลาทูยังมีกาก หรือ เส้นใยน้อยทำให้ย่อยง่าย เหมาะสำหรับทารก และ เด็ก หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ ที่มีระบบย่อยอาหารที่ผิดปกติมาก

การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ





การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยทางตรง ซึ่งปฏิบัติได้ในระดับบุคคล องค์กร และระดับประเทศ ที่สำคัญ คือ

๑) การใช้อย่างประหยัด คือ การใช้เท่าที่มีความจำเป็น เพื่อให้มีทรัพยากรไว้ใช้ได้นานและเกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่ามากที่สุด
๒) การนำกลับมาใช้ซ้ำอีก สิ่งของบางอย่างเมื่อมีการใช้แล้วครั้งหนึ่งสามารถที่จะนำมาใช้ซ้ำได้อีก เช่น ถุงพลาสติก กระดาษ เป็นต้น หรือสามารถที่จะนำมาใช้ได้ใหม่โดยผ่านกระบวนการต่างๆ เช่น การนำกระดาษที่ใช้แล้วไปผ่านกระบวนการต่างๆ เพื่อทำเป็นกระดาษแข็ง เป็นต้น ซึ่งเป็นการลดปริมาณการใช้ทรัพยากรและการทำลายสิ่งแวดล้อมได้
๓) การบูรณซ่อมแซม สิ่งของบางอย่างเมื่อใช้เป็นเวลานานอาจเกิดการชำรุดได้ เพราะฉะนั้นถ้ามีการบูรณะซ่อมแซม ทำให้สามารถยืดอายุการใช้งานต่อไปได้อีก 
๔) การบำบัดและการฟื้นฟู เป็นวิธีการที่จะช่วยลดความเสื่อมโทรมของทรัพยากรด้วยการบำบัดก่อน เช่น การบำบัดน้ำเสียจากบ้านเรือนหรือโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ก่อนที่จะปล่อยลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ ส่วนการฟื้นฟูเป็นการรื้อฟื้นธรรมชาติให้กลับสู่สภาพเดิม เช่น การปลูกป่าชายเลน เพื่อฟื้นฟูความ สมดุลของป่าชายเลนให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ เป็นต้น 
๕) การใช้สิ่งอื่นทดแทน เป็นวิธีการที่จะช่วยให้มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติน้อยลงและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก การใช้ใบตองแทนโฟม การใช้พลังงานแสงแดดแทนแร่เชื้อเพลิง การใช้ปุ๋ยชีวภาพแทนปุ๋ยเคมี เป็นต้น 
๖) การเฝ้าระวังดูแลและป้องกัน เป็นวิธีการที่จะไม่ให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถูกทำลาย เช่น การเฝ้าระวังการทิ้งขยะ สิ่งปฏิกูลลงแม่น้ำ คูคลอง การจัดทำแนวป้องกันไฟป่า เป็นต้น


 
ที่มา : http://www.maceducation.com/e-knowledge/2343104100/02.htm





วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วิธีทำให้ผิวขาว





- น้ำนมเพื่อผิวขาว ไม่จำเป็นต้องลงไปแช่ในอ่างที่มีน้ำนมอยู่เต็มอ่าง แต่คุณสามารถทำตาม วิธีทําให้ผิวขาว ได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้น้ำนมทาบนผิวโดยตรง อาจใช้ใยบวบช่วยเพื่อขัดผิวไปด้วยเบา ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผิวจะค่อย ๆ ขาวขึ้น

 - ผลไม้รสเปรี้ยว ช่วยในการขัดขี้ไคล เป็น วิธีทําให้ผิวขาว ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะนาว สับปะรด มะขามเปียก ส้ม เพราะมีความเป็นกรด ช่วยทำความสะอาดผิวให้ขาวใส และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกมาได้ แต่หากคุณเป็นคนผิวบาง ไม่ควรใช้มะนาวหรือสับปะรดที่มีความเป็นกรดสูง ควรใช้ส้มเช้งที่มีคุณสมบัติคล้าย ๆ กันก็ได้

 - ครีมบำรุงเพื่อผิวขาว ควรใช้ครีมบำรุงที่มีไวท์เทนนิ่งเพื่อผิวขาวในตอนเย็น และทาซ้ำก่อนนอนเพื่อเสริมประสิทธิภาพของครีมบำรุงให้บำรุงอย่างต่อเนื่อง ส่วนตอนกลางวันให้ทาไวท์เทนนิ่งเพียงบาง ๆ แล้วตามด้วยครีมกันแดด หรือจะใช้ไวท์เทนนิ่งที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดดก็ได้ แต่หากสาว ๆ คนไหน อยู่ติดบ้าน ไม่ได้ออกไปเผชิญแสงแดดเลย ใช้ไวท์เทนนิ่งตัวเดียว ทาวันละ 2-3 ครั้งก็เอาอยู่แล้วจ้า

- ครีมกันแดด ควรเป็นสิ่งที่สาว ๆ ต้องมีติดกระเป๋าอยู่ตลอดเวลา ในกรณีที่คุณต้องเผชิญกับแสงแดดจัดโดยไม่ได้วางแผนมาก่อนจะได้หยิบขึ้นมาใช้ได้ทันการทันเวลา และอย่าลืมว่า ครีมกันแดดจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากคุณเพิ่งขัดผิวหรือใช้เอเอชเอกับผิวมาหมาด ๆ เพราะผิวคุณจะไวต่อแดดมาก จึงควรทาครีมกันแดด 20 นาทีก่อนออกแดดทุกครั้ง และทาซ้ำอีกทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง

-  ทานอาหารให้เหมาะสม โดยให้มีผักและผลไม้ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่งทุกมื้อ เพราะผักผลไม้เป็นอาหารที่ย่อยง่าย ช่วยเรื่องของการขับถ่าย และยังมีแอนตี้อ็อกซิแดนซ์ที่ทำให้ผิวสวยกระชับอีกด้วย ซึ่งเมื่อร่างกายขับถ่ายตามปกติแล้ว หน้าตาผิวพรรณก็จะสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยขับเหงื่อไคล และสิ่งสกปรกใต้ผิวรวมถึงสารพิษออกมา ซึ่งจะทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้น ยิ่งออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งทำให้ผิวสดใสอยู่ตลอดเวลา แถมการออกกำลังกายยังช่วยลดการอุดตันของสิ่งสกปรกใต้ผิว ทำให้ไม่มีสิวอีกด้วย

- วิตามินซีเพื่อผิวสวย วิตามินซีมีสรรพคุณช่วยให้ผิวสวยสดใส ดังนั้นจึงเป็นสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับอยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากการทานผักผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะนาว หรือหากได้รับในแต่ละวันไม่เพียงพอ ก็อาจจะทานวิตามินแบบเม็ดที่ขายในร้านขายยาก็ได้ วิธีทําให้ผิวขาว นี้จะช่วยในเรื่องผิวและมีส่วนช่วยในเรื่องการขับถ่ายไปพร้อม ๆ กัน

- การอบไอน้ำผิวหน้า เป็นการทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนอย่างลึกซึ้ง ช่วยทั้งเรื่องของผิวสะอาดสว่างใส เป็นทั้ง วิธีทําให้ผิวขาว และช่วยขจัดสิวไปพร้อม ๆ กัน โดยวิธีอบไอน้ำผิวหน้านั้นก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงตั้งกะทะต้มน้ำจนเดือด จากนั้นน้ำกะทะมาวางบนโต๊ะแล้วยื่นหน้าให้อยู่เหนือไอน้ำ ความร้อนจะช่วยเปิดรูขุมขน และไอน้ำจะเข้าไปทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนค่ะ


 - สารพัดสูตรพอกหน้า นอกจากการขัดผิวแล้ว สาว ๆ ที่อยากมีผิวขาวสุขภาพดีควรพอกหน้า รวมถึงผิวกายให้ได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยสูตรผิวขาวที่สามารถทำเองได้จากวัตถุดิบในบ้านนั้นก็มีมากมาย ที่สำคัญยังเห็นผลชัดอีกด้วยหากทำอย่างต่อเนื่อง 

วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา




อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา

                                                
         เกาะเภตรามีลักษณะคล้ายเรือสำเภา เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบมะละกาทะเลอันดามัน ในคาบมหาสมุทรอินเดียทางฝั่งตะวันตกของไทย ครอบคลุมพื้นที่ชายหาดตลอดแนวฝั่งทะเลในท้องที่ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู ตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล และตำบลสุกรอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ที่สำคัญคือ เกาะเภตรา เกาะเขาใหญ่ เกาะละโละแบนแต เกาะลิดี เกาะบุโหลน เกาะเหลาเหลียง และเกาะเปรามะ ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาลาดชันสูง มีพื้นที่ราบบริเวณหุบเขาและชายหาด มีพื้นที่ทั้งบนบกและทะเลประมาณ 494.38 ตรกม. หรือ 308,987 ไร่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตราจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ. 2526 และได้ประกาศในพระราชกฤษฎีกา เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2527 อุทยานฯ แห่งนี้เป็นจุดรวมของความงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์มา มีป่าไม้ ภูเขา สัตว์ป่า และปะการังหลากสีสวยงาม สถานที่ตั้งที่ทำการอุทยานฯ เป็นเวิ้งอ่าวธรรมชาติที่เรียกว่า "อ่าวนุ่น"